วันจันทร์ที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

10 เรื่องน่ารู้ สุดพิศวงของดวงจันทร์

10 เรื่องน่ารู้ สุดพิศวงของดวงจันทร์

เมื่อพูดถึงดวงจันทร์แล้ว เชื่อว่าไม่มีใครที่ไม่รู้จัก เพราะตั้งแต่เราเกิดมา เราก็เห็นดวงจันทร์ที่เป็นบริวารของโลก ลอยเด่นส่องสว่างอยู่บนท้องฟ้าในยามราตรีแล้ว และด้วยเทคโนโลยีในโลกสมัยใหม่อย่างปัจจุบันนี้ ทำให้เราได้รู้ถึงขัอมูลต่างๆของดวงจันทร์กันได้มาขึ้น ดังนั้นเราจึงอยากให้เพื่อนๆได้อ่านข้อมูลใหม่ๆเกี่ยวกับดวงจันทร์ ที่คุณต้องไม่เคยรู้มาก่อน ซึ่งทางทีมงาน toptenthailand จึงได้เสนอ 10 เรื่องน่ารู้ สุดพิศวงของดวงจันทร์

ที่มา : ทีมงาน toptenthailand ข้อมูล: saragang.com

10. ดวงจันทร์กำลังห่างเราไปเรื่อยๆ

ดวงจันทร์กำลังเคลื่อนออกห่างจากโลกไปเรื่อยๆ ในทุกปีดวงจันทร์ขโมยพลังงานจากโลก และใช้ในการขับดันตัวเองให้วงโคจรถ่างออกไป 3.8 เซ็นติเมตร ซึ่งนักวิจัยเผยว่า เมื่อดวงจันทร์เริ่มก่อกำเนิดนั้นอยู่ห่างจากโลกเพียง 22,530 กิโลเมตร แต่ตอนนี้ดวงจันทร์อยู่ห่างออกไป 450,000 แล้ว

9. น้ำขึ้น-น้ำลง

เป็นที่ทราบดีว่าปรากฏการณ์น้ำขึ้น-น้ำลงบนโลกนั้นได้รับอิทธิพลส่วนใหญ่จากดวงจันทร์ ขณะที่ดวงอาทิตย์มีอิทธิพลต่อน้ำขึ้นน้ำลงเพียงเล็กน้อย โดยแรงดึงดูดของดวงจันทร์จะดึงน้ำในมหาสมุทร โดยน้ำขึ้นจะเกิดขึ้นเมื่อโลกเรียงอยู่ในระดับใต้ดวงจันทร์ และอีกกรณีคือด้านของโลกที่ไปไม่ได้หันเข้าหาดวงจันทร์จะเกิดน้ำขึ้น เพราะแรงดึงดูดดึงโลกเข้าหาดวงจันทร์มากกว่าดึงน้ำ และเมื่อพระจันทร์เต็มดวงกับคืนเดือนมืด ดวงอาทิตย์ โลกและดวงจันทร์จะเรียงเป็นแวเดียวกัน ทำให้เกิดน้ำขึ้นสูงกว่าปกติ
นอกจากนี้แรงดึงจากดวงจันทร์ยังทำให้โลกหมุนช้าลง เนื่องจากพลังงานการหมุนของโลกถูกดวงจันทร์ดึงไป ทำให้โลกของเราช้าลงประมาณ 1.5 มิลลิวินาทีทุกๆ 100 ปี

8. บางทีดวงจันทร์อาจจะเป็นดาวเคราะห์

นักวิทยาศาสตร์ได้มีทฤษฏีใหม่ที่ว่า บางทีโลกกับดวงจันทร์อาจจะเป็นดาวเคราะห์คู่ก็ได้ เพราะดวงจันทร์ของเรามีขนาดใหญ่กว่าดาวพลูโต และดาวพลูโตกับดาวชารอนนั้น เมื่อก่อนเป็นชารอนเป็นบริวารของพลูโต แต่ด้วยระบบแล้ว มันเป็นดาวเคราะห์คู่กับดาวพลูโตมากกว่านั่นเอง

7. ดวงจันทร์ยังมีการสั่นไหวเล็กน้อยอยู่ตลอด

เมื่อครั้งที่โครงการอพอลโลได้ไปเหยีบดวงจันทร์นั้น มนุษย์อวกาศได้ใช้เครื่องมือสำรวจ แล้วพบว่าดวงจันทร์ของเรานี้ ยังมีการสั่นสะเทือนเบาๆอีกด้วย ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นผลมาจากแรงดึงดูดของโลกนั่นเอง

6. ความจริงดวงจันทร์ไม่ได้กลม

นักวิทยาศาสตร์เปิดเผยว่า ความจริงนั้นดวงจันทร์ไม่ได้กลมเหมือนที่เราเข้าใจกัน เพราะศูนย์กลางมวลของดวงจันทร์อยู่ห่างออกมาจากศูนย์กลางวงกลมเรขาคณิตถึง 2 กิโลเมตร ทำให้ดวงจันทร์มีรูปทรงรีคล้ายไข่มากกว่า

5. แม้เวลาผ่านไปหลายล้านปี พื้นผิวของดวงจันทร์ก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง

เพราะว่าดวงจันทร์นั้นไม่มีชั้นบรรยากาศเหมือนกับโลก และไม่มีการเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยาอันเนื่องมาจากภูเขาไป ดังนั้นสภาพแวดล้อมของดวงจันทร์ จึงไม่มีการเปลี่ยนแปลง หรือเปลี่ยนแปลงน้อยมาก

4. ว่ากันว่า ดวงจันทร์อาจจะมีน้องสาว

นักวิทยาศาสตร์มีข้อสันนิษฐานว่า ดวงจันทร์อาจจะไม่ใช่บริวารดวงเดียวของโลก เพราะเมื่อปี 1999 ได้มีการค้นพบอุกกาบาตที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 5 กิโลเมตร ที่ถูกแรงดึงดูดของโลกจับไว้ ซึ่งมีการตั้งชื่อว่า “ครูธเน” (Cruithne) ซึ่งน้องสาวของดวงจันทร์นี้ โคจรรอบโลกเป็นรูปเกือกม้า ใช้เวลา 770 ปี ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ได้บอกอีกว่า อุกกาบาตลูกนี้ จะอยู่ภายใต้แรงโน้มถ่วงของโลกไปอีกอย่างน้อย 5,000ปีเลยทีเดียว

3. ต้นไม้จากดวงจันทร์

มีต้นไม้กว่า 400 ต้นที่เคยไปไกลถึงดวงจันทร์ก่อนหยั่งรากบนโลก โดยเมื่อปี 1971 สจ็วต รูสา (Stuart Roosa) มนุษย์อวกาศประจำปฏิบัติการอพอลโล 14 (Apollo 14) ขององค์การบริหารการบินอวกาศสหรัฐฯ (นาซา) ได้นำเมล็ดพันธุ์ติดต่อขึ้นไปด้วย ระหว่างที่ อลัน เชพเพิร์ด (Alan Shepard) และ เอ็ดการ์ มิทเชลล์ (Edgar Mitchell) กับยุ่งอยู่กับการสำรวจไปบนพื้นผิวดวงจันทร์นั้น สจ็วต รูสาก็ทำหน้าที่ปกป้องเมล็ดพันธุ์อยู่ในวงโคจรรอบดวงจันทร์

หลังจากกลับมายังโลกเมล็ดพันธุ์เหล่านั้นก็ถูกปลูกไปทั่วสหรัฐฯ และเจริญงอกงามดี ซึ่งส่วนใหญ่ยังเติบโตดีและถูกเรียกว่า “ต้นดวงจันทร์”

2. ดวงจันทร์จะหันหน้าเข้าโลกเพียงด้านเดียวเสมอ

เพื่อนๆเคยสงสัยกันบ้างไหมครับว่า ตั้งแต่เราเกิดมาเห็นดวงจันทร์นั้น ทำไมเราจึงเห็นกระต่ายในดวงจันทร์อยู่ยังไง ก็อยู่อย่างนั้น นั่นเป็นเพราะว่าแรงโน้มถ่วงของโลก ทำให้การหมุนรอบแกนของดวงจันทร์ช้าลง จนมันช้าเท่ากับการโคจรหมุนรอบโลกพอดี ทำให้มันหันด้านเดียวเข้าหาโลกตลอดนั่นเองครับ

1. ดวงจันทร์เกิดขึ้นมาจากการชน

นักวิทยาศาสตร์และนักดาราศาสตร์ มีทฤษฏีเกี่ยวกับการถือกำเนิดของดวงจันทร์ว่า ดวงจันทร์นั้นเกิดขึ้นมาจากการที่มีหินอวกาศขนาดเท่าดาวอังคาร พุ่งมาชนโลก ทำให้บางส่วนของโลกกระเด็นหลุดออกไปเมื่อ 4.5 ล้านปีก่อน ซึ่งทฤษฏีนี้ ได้รับการยอมรับกันอย่างกว้างขวาง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น