10 เรืองน่ารู้ ของทวีปแอนตาร์กติกา

ทวีปแอนตาร์กติกา เป็นทวีปที่อยู่รอบขั้วโลกใต้ของโลก ซึ่งในช่วงฤดูหนาวนั้นจะมีอุณหภูมิระหว่าง -65 ถึง -70 องศาเซลเซียส ฤดูร้อนมีอุณหภูมิ -25 ถึง -45 องศาเซลเซียส แต่ในปัจจุบัน โลกกำลังเปลี่ยนไปและทำให้น้ำแข็งที่ปกคลุมอยู่นั้นเริ่มละลาย และจะเป็นยังไงต่อนั้น ติดตามกันได้ที่ 10 เรื่องน่ารู้ ของทวีปแอนตาร์กติกา
ที่มา : toptenthailand
10.การคาดการณ์

ทีมวิจัยจากศูนย์วิจัยทางวิทยาศาสตร์แห่งชาติฝรั่งเศส ได้พัฒนาแบบจำลองที่ทันสมัยขึ้น และตีพิมพ์ลงวารสารเนเจอร์ไคลเมตเชนจ์ ซึ่งแม้ว่ายังมีข้อจำกัดแต่พวกเขาระบุว่าคาดการณ์พฤติกรรมของธารน้ำแข็งไพน์ไอส์แลนด์ได้ดีที่สุด โดยทีมวิจัยพบว่า เส้นฐานของธารน้ำแข็ง หรือจุดที่ธารน้ำแข็งมาบรรจบกับหิ้งน้ำแข็งนั้นหดลงเหนือร่องลึกมหาสมุทร ซึ่งยิ่งเพิ่มปริมาณน้ำที่ซึมเข้าใต้ฐานและละลายธารน้ำแข็ง
แบบจำลองดังกล่าวคาดการณ์ว่าในอีกสิบกว่าปีข้างหน้าธารน้ำแข็งละลายจนไม่อาจควบคุมได้เป็นระยะทาง 40 กิโลเมตร ซึ่งอาจจะทำให้ระดับน้ำทะเลเพิ่มขึ้นมากกว่า 1 เซ็นติเมตร แต่การลดลงของธารน้ำแข็งอาจจะชะลอตัวเมื่อผ่านร่องลึกมหาสมุทร แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่ยั่งยืนหรือเป็นสัญญาณในแง่บวก ซึ่ง กาเอล ดูรันด์ (Gael Durand) ผู้ร่วมวิจัยกล่าวว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราก็จะได้รับผลกระทบครั้งใหญ่แน่นอน และเราได้ผ่านจุดที่ไม่อาจถอยกลับได้แล้ว และโอกาสที่นำแข็งจะเพิ่มกลับมาเท่าเติมนั้นเป็นไปได้ยากแล้ว ซึ่งต้องอาศัยปัจจัยที่ยากจะเกิดขึ้น เช่น น้ำทะเลที่ต้องเย็นจัดกว่าช่วงที่น้ำแข็งละลาย เป็นต้น
แบบจำลองดังกล่าวคาดการณ์ว่าในอีกสิบกว่าปีข้างหน้าธารน้ำแข็งละลายจนไม่อาจควบคุมได้เป็นระยะทาง 40 กิโลเมตร ซึ่งอาจจะทำให้ระดับน้ำทะเลเพิ่มขึ้นมากกว่า 1 เซ็นติเมตร แต่การลดลงของธารน้ำแข็งอาจจะชะลอตัวเมื่อผ่านร่องลึกมหาสมุทร แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่ยั่งยืนหรือเป็นสัญญาณในแง่บวก ซึ่ง กาเอล ดูรันด์ (Gael Durand) ผู้ร่วมวิจัยกล่าวว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราก็จะได้รับผลกระทบครั้งใหญ่แน่นอน และเราได้ผ่านจุดที่ไม่อาจถอยกลับได้แล้ว และโอกาสที่นำแข็งจะเพิ่มกลับมาเท่าเติมนั้นเป็นไปได้ยากแล้ว ซึ่งต้องอาศัยปัจจัยที่ยากจะเกิดขึ้น เช่น น้ำทะเลที่ต้องเย็นจัดกว่าช่วงที่น้ำแข็งละลาย เป็นต้น
9.ธารน้ำแข็งไฟน์ไอส์แลนด์

ธารน้ำแข็งไฟน์ไอส์แลนด์ (Pine Island Glacier) ที่มีปริมาณน้ำแข็งคิดเป็น 20% ของพืดน้ำแข็งเวสต์แอนตาร์กติก (West Antarctic Ice Sheet) ทางฝั่งตะวันตกของทวีปแอนตาร์กติกา ซึ่งพืดน้ำแข็งดังกล่าวครอบคลุมพื้นที่ราว 2 ล้านตารางกิโลเมตร หรือคิดเป็น 10% ของน้ำแข็งในแอนตาร์กติกาทั้งหมด
ไม่ใช่แค่ไหญ่มหึมาแต่ไลฟไซน์ระบุด้วยว่า ธารน้ำแข็งดังกล่าวยังมีความเสถียรน้อยที่สุดในแผ่นน้ำแข็งเวสต์แอนตาร์กติก โดยในช่วง 40 ปีที่ผ่านมาไฟน์ไอส์แลนด์มีอัตราการละลายเร่งสูงขึ้น สัมพันธ์กับกระแสน้ำทะเลที่อุ่นขึ้นและซึมเข้าใต้ฐานธารน้ำแข็ง และเร่งให้น้ำแข็งไหลลงสู่ทะเล
ไม่ใช่แค่ไหญ่มหึมาแต่ไลฟไซน์ระบุด้วยว่า ธารน้ำแข็งดังกล่าวยังมีความเสถียรน้อยที่สุดในแผ่นน้ำแข็งเวสต์แอนตาร์กติก โดยในช่วง 40 ปีที่ผ่านมาไฟน์ไอส์แลนด์มีอัตราการละลายเร่งสูงขึ้น สัมพันธ์กับกระแสน้ำทะเลที่อุ่นขึ้นและซึมเข้าใต้ฐานธารน้ำแข็ง และเร่งให้น้ำแข็งไหลลงสู่ทะเล
8.จุดที่สูงที่สุด

จุดที่สูงที่สุดของทวีปคือยอดเขาวินสันแมสซิฟ มีความสูง 4,892 เมตร ตั้งอยู่ในเทือกเขาเอลส์เวิร์ท ถึงแม้ว่าแอนตาร์กติกาจะมีภูเขาไฟจำนวนมาก แต่มีเพียงแห่งเดียวที่ทราบแน่ชัดว่ายังคงคุกรุ่นอยู่คือภูเขาไฟเอเรบัสบนเกาะรอสส์ ในปีพ.ศ. 2547 นักสำรวจชาวอเมริกันและแคนาดาค้นพบภูเขาไฟใต้น้ำในคาบสมุทรแอนตาร์กติก โดยหลักฐานแสดงให้เห็นว่าภูเขาไฟนี้อาจยังคุกรุ่นอยู่เช่นกัน
7.สัตว์ที่อาศัยอยู่

เพนกวิน แมวน้ำ และสาหร่าย บางส่วนของแอนตาร์กติกาที่กำลังร้อนขึ้นได้ทำให้ประชากรนกเพนกวินพันธุ์อเดลีและพันธุ์จักพรรดิ์จำนวนหนึ่งลดลงไปแล้ว ผลกระทบจากอุณหภูมิที่ร้อนขึ้น
6.ภูมิประเทศ

แอนตาร์กติกาเป็นทวีปที่อยู่ทางทิศใต้สุดของโลก โดยตั้งอยู่ในเขตแอนตาร์กติกเซอร์เคิลรอบขั้วโลกใต้ ล้อมโดยมหาสมุทรใต้ มีพื้นที่มากกว่า 14 ล้านตารางกิโลเมตร เป็นทวีปที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 5 ของโลก มีชายฝั่งยาว 17,968 กิโลเมตร
ประมาณร้อยละ 98 ของแอนตาร์กติกาถูกปกคลุมด้วยแผ่นน้ำแข็งแอนตาร์กติกา แผ่นน้ำแข็งซึ่งหนาเฉลี่ย 1.6 กิโลเมตร ทวีปนี้มีน้ำแข็งถึงราวร้อยละ 90 ของน้ำแข็งทั้งหมดบนโลก ทำให้มีน้ำจืดประมาณร้อยละ 70 ของโลก ถ้าน้ำแข็งทั้งหมดละลายแล้ว ระดับน้ำทะเลจะสูงขึ้นประมาณ 61 เมตร
ประมาณร้อยละ 98 ของแอนตาร์กติกาถูกปกคลุมด้วยแผ่นน้ำแข็งแอนตาร์กติกา แผ่นน้ำแข็งซึ่งหนาเฉลี่ย 1.6 กิโลเมตร ทวีปนี้มีน้ำแข็งถึงราวร้อยละ 90 ของน้ำแข็งทั้งหมดบนโลก ทำให้มีน้ำจืดประมาณร้อยละ 70 ของโลก ถ้าน้ำแข็งทั้งหมดละลายแล้ว ระดับน้ำทะเลจะสูงขึ้นประมาณ 61 เมตร
5.ศูนย์วิจัยที่ทวีปแอนตาร์กติกา

ดินแดนหลายส่วนในทวีปแอนตาร์กติกาถูกประเทศต่าง ๆ อ้างกรรมสิทธิ์ครอบครอง เช่น ประเทศอาร์เจนตินา ชิลี ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สหราชอาณาจักร เป็นต้น และในดินแดนเหล่านี้ก็จะมีศูนย์วิจัยของประเทศต่าง ๆ ตั้งอยู่ ทั้งทวีปแอนตาร์กติกามีศูนย์วิจัยของประเทศต่าง ๆ มากกว่า 20 ประเทศ จำนวน 60 แห่ง ในช่วงฤดูหนาวจะมีนักวิจัยทำงานอยู่ที่นี่ประมาณ 1,000 คน และจะเพิ่มเป็น 4,000 คนในฤดูร้อน ในศูนย์วิจัยแมกเมอร์โดที่อยู่ในเขตที่นิวซีแลนด์อ้างกรรมสิทธิ์เป็นศูนย์วิจัยและชุมชนที่ใหญ่ที่สุดในแอนตาร์กติกา สามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้มากถึง 1,000 คน
4.การศึกษาวิจัยในขั้วโลกใต้

เพื่อให้การศึกษาวิจัยด้านทางวิทยาศาสตร์และสิ่งแวดล้อมในทวีปแอนตาร์กติกา ประเทศต่าง ๆ จึงได้ตกลงร่วมมือสร้างศูนย์วิจัย โดยเริ่มเมื่อเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2010 ทำให้สามารถวัดความหนาและปริมาณของน้ำแข็งที่ปกคลุมทวีปแอนตาร์กติกาได้ และยังค้นพบว่าภายใต้น้ำแข็งที่หนากว่า 2,000 เมตรนั้น ยังมีแผ่นดินที่กว้างใหญ่อยู่ หลังจากนั้นการค้นคว้าวิจัยเกี่ยวกับทวีปแอนตาร์กติกาก็ได้รับความสนใจมากขึ้นทีเดียว และในปี ค.ศ. 2010 หลายประเทศได้ร่วมลงนามก่อตั้งสนธิสัญญาสำหรับทวีปแอนตาร์กติกาขึ้น โดยให้ทุกประเทศสามารถเข้าทำการศึกษาวิจัยได้ ยกเว้นแต่การทำกิจกรรมด้านทหาร
3.พื้นที่ของทวีป

ทวีปแอนตาร์กติกามีพื้นที่กว้างใหญ่เป็นอันดับ 5 รองจากเอเชีย แอฟริกา อเมริกาเหนือ และอเมริกาใต้ แต่มีประชากรน้อยที่สุดในโลก (ความจริงแล้วไม่มีประชากรอยู่ถาวร) นอกจากนี้ยังเป็นทวีปที่มีระดับความสูงเฉลี่ยสูงที่สุด ความชื้นเฉลี่ยและอุณหภูมิเฉลี่ยต่ำที่สุดในโลก
2.ในตำนาน

แม้ว่ามีตำนานเล่าขานเกี่ยวกับการมีอยู่ของดินแดนใต้ ย้อนไปถึงยุคโบราณ แต่ส่วนใหญ่ยอมรับกันว่ามีการพบเห็นทวีปแอนตาร์กติกาครั้งแรกในปี พ.ศ. 2363 (ค.ศ. 1820) และลงเหยียบพื้นน้ำแข็งครั้งแรกในปีต่อมา อย่างไรก็ตาม แผนที่ของพลเรือเอกปีรี ไรส์ ที่เขียนขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2056 (ค.ศ. 1513) ได้บรรจุดินแดนนี้ไว้ โดยมีรูปร่างคล้ายคลึงกับชายฝั่งแอนตาร์กติกา
1.แอนตาร์กติกา

ป็นทวีปที่อยู่รอบขั้วโลกใต้ของโลกล้อมรอบด้วยมหาสมุทร มีตำแหน่งอยู่ตรงข้ามกับเขตอาร์กติก ที่อยู่ใกล้ขั้วโลกเหนือ ตัวทวีปถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนโดยเทือกเขาทรานส์แอนตาร์กติก ถือว่าเป็นดินแดนที่มีอากาศหนาวเย็นที่สุดในโลก โดยพื้นที่เกือบทั้งหมดปกคลุมด้วยน้ำแข็ง และยังนับเป็นดินแดนร้างแล้ง (desert) ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยไม่มีมนุษย์ตั้งรกรากอยู่อาศัยถาวร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น