
ฟังแล้วอย่าเพิ่งคิดว่าการสังหารหมู่นี้กระทำโดย ทหารญี่ปุ่น หรือพวกนาซีเสียละ จริงอยู่ที่ในสงครามโลกครั้งนี้ สองชนชาตินี้แข่งกัน
ทำสถิติสังหารหมู่กันตลอดสงคราม แต่สำหรับกรณีนี้แล้วฝ่ายที่เป็นเหยื่อคือญี่ปุ่น และผู้ที่ลงมือก็มิใช่ทหารของชนชาติใด
แต่มันคือเหล่าจรเข้น้ำเค็มแห่งป่าชายเลนของเกาะรามรีในพม่า
เรื่องนี้เกิดขึ้นในช่วงปลายของสงครามราวปี 1944 กองทัพอังกฤษปิดล้อมทหารญี่ปุ่น ราวหนึ่งพันคนบนเกาะรามรี ของพม่า
ทางรอดของทหารญี่ปุ่นมีทางเดียวคือ ต้องบุกผ่านป่าชายเลนออกมายังชายหาดด้นหน้าของเกาะ ทหารญี่ปุ่นตัดสินใจตีฝ่า
ในตอนกลางคืน ทว่าสิ่งที่รอพวกเขาอยู่ในบึงก็คือฝูงจรเข้น้ำเค็มที่หิวโหย ทหารอังกฤษที่อยู่ในเหตุการณได้เล่าถึงคืนสยองขวัญ?
พวกญี่ปุ่นตกเป็นเหยื่อของเหล่าจรเข้
" เสียงปืนและเสียงร้องคำรามของจรเข้ ดังก้องทั่วบริเวณสลับกับเสียงร้องโหยหวนของผู้เคราะห์ร้าย และเสียงกระดูกมนูษย์
ที่ถูกขบเคี้ยวด้วยกรามของเจ้าสัตว์เลื้อยคลานพวกนั้น ครั้นพอรุ่งเช้านกแร้งจำนวนมาก ก็ลงมาเก็บกินชิ้นส่วนของมนุษย์ที่เหลืออยู่
น้ำในบึงกลายเป็นสีเลือด"
มีทหารญี่ปุ่นเพียงไม่กี่สิบคนที่รอดจากการสังหมู่ครั้งนี้มาได้
สุนัขพิฆาต

ในช่วงที่ทัพนาซีเข้าโจมตีสหภาพโซเวียต ทางกองทัพโซเวียตได้วางแผนทำลายรถถังของเยอรมัน โดยทำการฝึกสุนัขให้ติดระเบิดทำลายแรงสูง
แล้วมุดเข้าไปใต้รถถังนาซี เพื่อให้ระเบิด ฟังดูน่าเศร้าและเวทนา (โดยเฉพาะกับคนรักสุนัขทั้งหลาย) ใช่ไหม แต่ยังมีข้อเท็จจริงที่น่าสมเพชยิ่งกว่า
เมื่อแผนการนี้ถูกนำไปใช้ กล่าวคือเหล่าหมาน้อยติดระเบิดกลับมุดเข้าใต้รถถังโซเวียตและระเบิดตูมแทนที่จะเป็นรถถังนาซี สำหรับเหตุผลน่ะหรือ
ก็เนื่องจากเจ้าหมาเหล่านี้ถูกฝึกมากับรถถังโซเวียต ไม่ใช่รถถังเยอรมันนะสิ
สัปเหร่อน้อย

ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง พวกนาซีได้จัดตั้งหน่วยยุวชนฮิตเลอร์ขึ้นมา (ถ้าจำไม่ผิดในยุคนั้นรัฐบาลไทยเองก็จัดตั้งหน่วยยุวชนทหารขึ้นมาเช่นกัน)
โดยมาจากเด็กชายอายุ 15 - 18 ปี ในช่วงปลายสงคราม เด็กที่อายุน้อยกว่านี้ ก็ยังถูกต้อนเข้าขบวนการ พวกเขาต้องทำหน้าที่ไม่ต่างกับทหาร
ทั้งๆที่บางคนอายุเพียง 10 ขวบเท่านั้น เด็กๆนับพันต้องตายหรือหรือบาดเจ็บจากสงคราม หลังจากสงครามสงบลงแล้ว เด็กๆเหล่านี้ถูกปฏิบัติ
เช่นเดียวกับเชลยศึก ในวันที่ 30 เมษายน 1945 กลุ่มยุวชนฮิตเลอร์อายุ 10 - 14 ปี ถูกจับเป็นนักโทษที่มิวนิก ทหารสหรัฐบังคับให้เด็กเหล่านี้
ขนย้าย ซากศพผู้เสียชีวิตในค่ายกักกันที่ดาเคา หลังจากนั้นก็ถูกนำตัวไปทำงานที่โรงงานเผาศพ
ของที่ระลึกจากสงคราม

สำหรับทหารอเมริกันที่ทำการรบในแปซิฟิก กิจกรรมโปรดอย่างหนึ่งก็คือการเก็บสะสมของที่ระลึก นั่นก็คือ ชิ้นส่วนศพของทหารญี่ปุ่น
โดยเฉพาะหัวกระโหลก ถึงกับในเดือนกันยายน 1942 ผู้บัญชาการกองเรือแปซิฟิกต้องออกคำสั่งห้ามเก็บชิ้นส่วนใดๆของทหารข้าศึกเอาไว้
แต่คำสั่งดังกล่าวก็ไม่มีใครสนใจ (กฏมีไว้ฝ่าฝืน) ที่ยุทธภูมิกัวดาคะแนลทหารอเมริกันเอาหัวของทหารญี่ปุ่นที่ถูกไฟไหม้มาวางประดับบนรถถัง
นอกจากหัวกระโหลกแล้วการถอนฟันทองจากข้าศึกมาเก็บไว้ ก็เป็นกิจกรรมสุดฮิตอีกอย่าง และบางครั้งเจ้าของฟันก็ยังไม่ตายด้วยซ้ำไป
เรือดำน้ำบรรทุกเครื่องบิน

หลังการถูกทิ้งระเบิดที่กรุงโตเกียว กองทัพญี่ปุ่นได้วางแผนแก้แค้น ในวันที่ 9 กันยายน ค.ศ.1942 ญี่ปุ่นได้ส่งเรือดำน้ำ I125 โผล่ขึ้นในเขตน่านน้ำสหรัฐ
และส่งเครื่องบินซีโร่ ขับโดยนักบินชื่อ โนบุโอะ ฟูจิตะ ไปทิ้งระเบิดเพลิงใส่เขตป่าไม้ในรัฐโอรีกอน เพื่อสร้างความปั่นป่วนแต่เนื่องจากระเบิดสี่ลูก
ทำงานเพียงลูกเดียว จึงไม่ก่อให้เกิดความเสียหายใดๆ โนบุโอะ ฟูจิตะ ได้ชื่อว่าเป็นนักบินญี่ปุ่นเพียงคนเดียวที่ได้ทิ้งระเบิดสหรัฐอเมริกา
credit :: arunsawat.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น