แหล่งที่มา : kapook.com
10. Jaguar XKR-S GT
ยนตกรรมรุ่นนี้ถูกพัฒนาโดยทีมวิศวกรเฉพาะทางของ Jaguar ซึ่งได้นำวัสดุอย่างคาร์บอนไฟเบอร์คุณภาพสูงมาใช้ในการทำตัวรถด้วย ในด้านขุมพลังของ XKR-S GT ก็ไม่ธรรมดา ด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด เครื่องซูเปอร์ชาร์จ V8 ขนาด 5 ลิตร ให้พละกำลัง 550 แรงม้า ขับเคลื่อนล้อหลังเฟืองท้ายอิเล็กทรอนิกส์ ที่พิเศษกว่านั้นคือทำการผลิตเพียงแค่ 30 คันเท่านั้น โดยเปิดตัวที่ราคา 174,000 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 5 ล้านบาท) ซึ่ง 25 คันแรกอยู่ที่สหรัฐอเมริกา ส่วน 5 คันหลังอยู่ที่ประเทศแคนาดา
9. Mercedes-Benz CLA45 AMG
รถสปอร์ตซีดานที่ทาง Mercedes-Benz และ AMG ร่วมกันผลิตขึ้นในรุ่น CLA45 AMG ด้วยเครื่องยนต์ 4 สูบที่มีพละกำลังมากที่สุดในการผลิต เครื่องเทอร์โบชาร์จ 2 ลิตร 335 แรงม้า ระบบเกียร์คลัทช์คู่ 7 สปีด และระบบ AWD ที่สามารถควบคุมแรงบิดระหว่างล้อหน้าและล้อหลัง ด้วยอัตราส่วน 50:50 โดยเร่งจาก 0 - 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในเวลา 4.5 วินาที ทำความเร็วสูงสุดที่ 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยทาง Mercedes-Benz จะปล่อยเจ้า CLA45 AMG ออกมาในตลาดของอเมริกาช่วงเดือนพฤศจิกายน ในราคา 47,450 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1.3 ล้านบาท)
8. Shelby 1000
หากว่ากำลัง 662 แรงม้าในรุ่น Ford Shelby GT500 ยังไม่แรงพอแล้วล่ะก็ Shelby 1000 ก็น่าจะเป็นคำตอบสำหรับคนที่ชอบรถแรง ๆ มากที่สุด ด้วยรูปลักษณ์สไตล์มัสแตงที่สวยงามโดดเด่นไม่แพ้ใคร และยังมาพร้อมกับพละกำลังสูงถึง 1,200 แรงม้า ด้วยเครื่องยนต์ซูเปอร์ชาร์จ V8 ขนาด 5.8 ลิตร ผ่านเกียร์ธรรมดา 6 สปีด
7. Jaguar XJR
รถสุดหรูสมรรถนะสูงที่ใคร ๆ ก็รู้จักกันดี ด้วยลักษณะภายนอกที่ดูโฉบเฉี่ยว สเกิร์ตข้างแบบแอโรไดนามิก ท่อไอเสียสี่ชุด ล้ออัลลอยเพิ่มความสง่า โดดเด่นทุกมุมมอง ด้านขุมพลังก็แรงไม่เป็นรองใคร ด้วยเครื่องยนต์ซูเปอร์ชาร์จ V8 ความจุ 5 ลิตร ให้กำลัง 550 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด อัตราเร่ง 0 - 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยใช้เวลาเพียงแค่ 4.4 วินาที ความเร็วสูงสุดจำกัดที่ 280 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เปิดตัวที่ราคา 116,000 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 3.2 ล้านบาท)
6. BMW 328d
ในรุ่น Sedan และ Wagon เครื่องเทอร์โบดีเซล 2 ลิตร Direct Injection ส่งกำลังที่ 180 แรงม้า พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด และยังมีระบบประหยัดน้ำมันเมื่อวิ่งบนไฮเวย์ อัตราเฉลี่ยอยู่ที่ 40 ไมล์ต่อแกลลอน หรือประมาณ 16 กิโลเมตรต่อลิตร ส่วนในเรื่องของรูปลักษณ์ของตัวรถก็สวยงามเหมือนเช่นเคย ไม่ให้เสียชื่อของ BMW อยู่แล้ว
5. Land Rover Range Rover Sport
เปิดตัวด้วย Land Rover และ Range Rover ซึ่งเปรียบเสมือนรถรุ่นพี่รุ่นน้องก็ว่าได้ โดยที่ Land Rover Sport มาพร้อมกับเครื่องยนต์ซูเปอร์ชาร์จ V6 ขนาด 3 ลิตร ให้กำลังถึง 340 แรงม้า ส่วน Range Rover Sport มาพร้อมกับเครื่องยนต์ซูเปอร์ชาร์จ V8 ขนาด 5 ลิตร ให้กำลัง 510 แรงม้า เครื่องของทั้งสองรุ่นนี้ใช้เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ขับเคลื่อน 2 - 4 ล้อ
4. Chevrolet Camaro Z/28
ทางด้าน Chevrolet ก็ไม่น้อยหน้าส่ง Camaro Z/28 ออกมาประชันในเครื่องยนต์ V8 ขนาด 7 ลิตร ให้พละกำลัง 500 แรงม้า ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ Tremec 6 สปีด ซึ่งทางวิศวกรได้ออกแบบให้ตัวรถมีน้ำหนักที่เบาด้วยวัสดุพิเศษ นอกจากนั้นยังติดตั้งเบรกคาร์บอนเซรามิก เฟืองท้าย เพื่อให้สามารถเข้าโค้งได้ดียิ่งขึ้น
3. Subaru WRX Concept
เป็นที่ทราบกันอยู่แล้วว่ารถยนต์จาก Subaru ในเรื่องของความแรงและความเท่ ซึ่งงานนี้ก็ไม่ทำให้ผิดหวังจริง ๆ โดยการนำรถต้นแบบในรุ่น WRX และ WRX STI ซึ่งปรับปรุงระบบอากาศพลศาสตร์ โดยใช้หลังคาที่ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ซึ่งช่วยลดน้ำหนักลงได้อีก ช่องลมฝากระโปรงหน้าก็มีการปรับปรุงเพื่อเพิ่มพลังให้กับเครื่อง Turbocharge และ InterCooler คาดว่าในรุ่น WRX มีกำลังแรงม้าประมาณ 270 แรงม้า ส่วนรุ่น WRX STI ที่เพิ่มความทรงพลังขึ้นไปอีกคาดว่าน่าจะทะลุ 300 แรงม้า
2. Audi S3 Sedan
ด้วยกำลังเครื่องยนต์ Turbocharge ขนาด 2 ลิตร ให้กำลัง 296 แรงม้า แรงบิดที่ 280 นิวตัน - เมตร ระบบเกียร์ทั้งแบบเกียร์ธรรมดาและเกียร์ S-Tronic คลัชท์คู่ 6 สปีด อัตราเร่งจาก 0 - 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายใน 4.9 วินาที เร่งความเร็วได้สูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยจะออกสู่ตลาดในอเมริกาเหนือในช่วงกลางปี 2014 ด้วยราคา 40,000 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1.2 ล้านบาท)
1. Cadillac CTS
รูปทรงที่สวยสดงดงามทั้งภายนอกและภายใน พร้อมติดตั้งเครื่องยนต์ Twin turbo V6 ขนาด ขนาด 3.6 ลิตร สร้างพลังได้ถึง 420 แรงม้า แรงบิด 583 นิวตัน - เมตร พร้อมเกียร์อัตโนมัติ ขับเคลื่อน 4 ล้อ นอกจากนี้ยังมีระบบ CUE infotainment มาใช้ด้วย ซึ่งภายในตกแต่งด้วยหนังแบบนิ่ม หลังคาซันรูฟแบบกว้าง ม่านกันแดดด้านหลัง ไฟส่องสว่างรอบคัน แถมเบาะคนขับยังสามารถปรับได้ถึง 20 แบบ ด้วยขนาดรถที่ใหญ่พอ ๆ กับ BMW 5 Series Audi A6 และ Benz E Class ทำให้ Cadillac CTS เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งของผู้ที่กำลังมองหารถซีดานขนาดกลาง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น